เมนู

5. ผาสุวิหารสูตร


ว่าด้วยธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข 5 ประการ


[105] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข 5 ประการนี้
5 ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไปตั้งกายกรรมประกอบ
ด้วยเมตตา ในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 1 เข้าไปตั้งวจีกรรม
ประกอบด้วยเมตตา ในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 1 เข้าไปตั้ง
มโนกรรมประกอบด้วยเมตตา ในเพื่อนพรหมจรรย์ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 1
มีศีลอันไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท อันวิญญูชนสรรเสริญ
อันตัณหาและทิฏฐิไม่เกี่ยวเกาะ เป็นไปเพื่อสมาธิ เสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 1 ทิฏฐิอันเป็นอริยะ เป็นเครื่องนำออก ย่อมนำออก
เพื่อความสิ้นไปแห่งทุกข์โดยชอบ แห่งผู้กระทำ เสมอกันกับเพื่อนพรหมจรรย์
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง 1.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข 5 ประการนี้แล.
จบผาสุวิหารสูตรที่ 5

อรรถกถาผาสุวิหารสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในผาสุวิหารสูตรที่ 5 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า เมตฺตํ กายกมฺมํ ได้แก่ กายกรรมที่ให้เป็นไปด้วยจิต
ประกอบด้วยเมตตา. บทว่า อาวิ เจว รโห จ ได้แก่ ทั้งต่อหน้าและ
ลับหลัง. แม้ในบทนอกนี้ ก็นัยนี้แหละ.
บทว่า ยานิ ตานิ สีลานิ เป็นต้น ตรัสด้วยจตุปาริสุทธิศีล. บทว่า
สมาธิสํวตฺตนิกานิ ได้แก่ อันทำให้มรรคสมาธิและผลสมาธิบังเกิด. บทว่า
สีลสามญฺญคโต แปลว่า ถึงความเป็นผู้มีศีลเสมอกัน อธิบายว่า เป็นผู้มี
ศีลเช่นเดียวกัน. บทว่า ตกฺกรสฺส ได้แก่ ผู้กระทำตามความเห็นนั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสความมีศีลเสมอกัน ตรัสทิฏฐิวิปัสสนาและสัมมาทิฏฐิ
ในสูตรนี้ ด้วยประการฉะนี้.
จบอรรถกถาผาสุวิหารสูตรที่ 5

6. อานันทสูตร


ว่าด้วยธรรมเป็นเหตุให้สงฆ์อยู่ผาสุก


[106] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่โฆสิตาราม ใกล้
เมืองโกสัมพี ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่
ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์พึงอยู่เป็นผาสุก เพราะเหตุเท่าไรหนอแล.